เดี๋ยวโรคภัยไข้เจ็บมีอยู่รอบตัวอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็นำพาไปสู่การเจ็บป่วยที่รุนแรงได้เสมอ โดยอาการเจ็บป่วยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นมาจากกิจวัตรประจำวัน กรรมพันธุ์ และอาหารการกินซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างวันนี้ที่เราจะนำเสนอนั่นคือ ‘ลำไส้อักเสบ’ ที่หลาย ๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นเพียงแค่อาการท้องเสียธรรมดา แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ เพราะมันมีความอันตรายมากกว่า
ลำไส้อักเสบ คืออะไร?
โรคลำไส้อักเสบ (Ulcerative Colitis) คือโรคที่มีอาการอักเสบของระบบทางเดินทางอาหารชนิดหนึ่ง ที่เกิดการอักเสบบริเวณเยื่อบุผนังตรงลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้เกิดแผลที่ผนังทางเดินอาหาร โดยอาการอักเสบที่เกิดขึ้นจะทำให้เลือดออกที่ผนังลำไส้ ลำไส้บีบตัวเร็วขึ้น ผู้ป่วยจึงเกิดอาการปวดท้อง ท้องร่วง ถ่ายปนมูกเลือดออกมานั่นเอง
ซึ่งทางการแพทย์ยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคลำไส้อักเสบ แต่สาเหตุที่มีความเป็นไปได้อาจเกิดมาจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ เพราะปกติแล้วระบบภูมิคุ้มกันจะทำหน้าที่ในการปกป้องและจำกัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายอย่างเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย แต่เมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติก็ทำให้เชื้อโรคเข้าไปได้ง่ายขึ้น แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการลำไส้อักเสบเรื้อรังได้ และอีกหนึ่งต้นเหตุคืออาการมื้อสุดท้ายก่อนที่จะเกิดอาการ แต่ทั้งนี้ก็ไม่เสมอไป เพราะต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาตั้งแต่รับเชื้อจนถึงแสดงอาการ เรียกอีกอย่างว่าระยะฟักตัว ซึ่งเป็นในลักษณะของโรคติดเชื้อ อาจเป็นระยะเวลาไม่นานจนถึงหลายวัน (อาการแต่ละคนแสดงออกช้าเร็วไม่เหมือนกัน)

อาการลำไส้อักเสบ
อาการแรก ๆ ของลำไส้อักเสบที่พบได้บ่อย คือ เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วงร่วมกับปวดท้อง โดยอาการปวดท้องนั้นจะมีลักษณะปวดบีบ ๆ บิด ๆ นอกจากนี้อาจมีอาการอื่นพบร่วมด้วย เช่น
- ถ่ายเหลว เป็นน้ำ เป็นมูก หรือมีมูกเลือดปนอยู่ด้วย
- มีอาการปวดหน่วง ๆที่ทวาร นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการลำไส้ใหญ่อักเสบ
- มีไข้สูง หรือไข้ต่ำ มีอาการหนาวสั่น
- รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน กินอาหารไม่ได้ ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำและช็อกได้
- ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากเสียเลือดขณะขับถ่ายอุจจาระ
- สูญเสียน้ำจากการท้องเสีย รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืดจะเป็นลม มือเย็นเท้าเย็น หรือหมดสติ
หากมีอาการท้องเสียมาก มีอาเจียนร่วมด้วย และดื่มน้ำได้น้อย อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าวที่รุนแรงมากขึ้นหรือไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่หากมีไข้สูง ปวดท้องมากและเกิดอาการภาวะขาดน้ำ เช่น ปวกแห้ง วิงเวียน เป็นลม ใจสั่น ฯลฯ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

ไม่อยากเป็นลำไส้อักเสบ สามารถป้องกันได้
ในแต่ละวันคนเราต้องหยิบจับและเผชิญหน้ากับเชื้อโรคมากมาย แถมบงครั้งยังลืมและหยิบจับอะไรเข้าปากแบบไม่รู้ตัว ดังนั้นเรื่องความสะอาดจะต้องมาเป็นอันดับแรกเสมอ ที่สำคัญจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสดใหม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ทำทิ้งเอาไว้หรือค้างคืน ล้างมือก่อนกินอาหาร นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันลำไส้อักเสบ ได้ดังนี้
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ล้างมือให้สะอาดก่อน – หลังรับประทานอาหาร
- รักษาความสะอาดของอาหาร น้ำดื่มโดยเฉพาะน้ำแข็ง ห้องครัว เครื่องใช้ในการปรุงอาหาร
- อาหารควรปรุงให้สุกอย่างทั่วถึง ไม่รับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
- ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- ใช้ส้วมในการขับถ่ายเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดโรคระบาดติดต่อทางอุจจาระ
- กรณีที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ควรศึกษาสุขอนามัยของประเทศที่จะไปก่อนเสมอ โดยเฉพาะเรื่องน้ำดื่มและอาหารการกิน
ลำไส้อักเสบเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่ห้ามมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะหากเราเผลอหรือมีพฤติกรรมบางอย่าง ก็อาจทำให้โรคเกิดขึ้นได้แบบฉับพลันและอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ดังนั้นป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด เลือกทำประกันสุขภาพคุ้มครองเอาไว้ เผื่อเกิดกรณีฉุกเฉินจะได้เข้ารับการรักษาได้ทัน