อาการใหม่ล่าสุดโอไมครอน มีอะไรบ้าง ป้องกันอย่างไร
ในตอนนี้การแพร่ระบาดที่น่ากลัวที่สุดคงหนีไม่พ้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ความรุนแรงและการกลายพันธุ์เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน โดยก่อนหน้านี้เชื้อโควิดได้มีสายพันธุ์ แต่ละสายพันธุ์จะมีอาการ ระยะการแพร่เชื้อ และความรุนแรงที่ไม่เหมือนกัน
ซึ่งก่อนหน้านี้โควิดสายพันธุ์เดลต้าเป็นสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อได้รุนแรงที่สุด และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากที่สุด แต่ในปัจจุบันกลับไม่ใช่ เพราะในตอนนี้ได้เกิดการกลายพันธุ์สายพันธุ์ล่าสุดจากแอฟริกาใต้ ‘โอไมครอน’ ที่ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการประกาศยกระดับให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variants of Concern: VOC) สายพันธุ์ใหม่ล่าสุด
สิ่งที่น่ากังวลของโอมิครอน คืออะไร?
โอมิครอน (Omicron) มีรหัสเรียกว่า โควิดสายพันธุ์ B.1.1.529 ถูกรายงานว่าพบครั้งแรกในตอนใต้ของทวีปแอฟริกาใต้ ประเทศบอตสวานา ปัจจุบันพบว่ามีการแพร่ระบาดแล้วในหลายประเทศทั่วโลก (รวมถึงในเอเชียและประเทศไทย) การกลายพันธุ์โควิดสายพันธุ์นี้ มีการกลายพันธุ์ของยีนมากถึง 50 กว่าตำแหน่ง โดย 32 ตำแหน่งที่เกิดขึ้นบนโปรตีนหนามแหลม ที่เป็นโปรตีนไวรัสที่ใช้ในการเข้าสู่เซลล์ร่างกายของมนุษย์ พบมากกว่าในทุกสายพันธุ์ที่เคยมีการระบาดมา และที่น่าห่วงคือมากกว่าสายพันธุ์เดลต้าถึง 2 ตัว ดังนั้นโอไมครอนจึงมีความรุนแรงและความน่ากังวล คือ
- เชื่อว่าโอมิครอนสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า
- สามารถเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ได้ง่ายขึ้น
- มีโอกาสที่จะหลบภูมิคุ้มกัน (แม้จะฉีดวัคซีนครบโดส) ได้มากขึ้น
- มีแนวโน้มต้านประสิทธิภาพของวัคซีน
- คนที่เคยติดเชชื้อโควิด-19 มีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้

‘ปวดหลัง’ อาการใหม่ที่อาจเสี่ยงติดเชื้อโอไมครอน
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโอไมครอน ได้แพร่กระจายไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ในขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2564 อ้างอิงคมชัดลึก) มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 514 ราย นั่นจึงทำให้หลายคนมีความกังวลของโควิดสายพันธุ์นี้ ที่สำคัญการติดเชื้อยังแสดงอาการแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดลต้าด้วย คือมีอาการเหงื่อออกในตอนกลางคืนขณะนอนหลับ แม้ว่าจะนอนอยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นก็ตาม
โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางหนังสือพิมพ์เดอะ มิร์เรอร์ และเทเลกราฟ สื่อใหญ่ของประเทศอังกฤษก็ได้มีการรายงานว่า ศาสตราจารย์ ทิม สเปคเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางพันธุกรรม ของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับอาการของผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนว่ามีความคล้ายคลึงกับอาการไข้หวัด แต่จะมี 2 อาการใหม่ที่เป็นจุดสังเกตเพิ่มได้ (ยังคงรับกลิ่นและรสชาติได้ดี) ซึ่งเมื่อคิดแล้วอาการโอไมครอนจะมีทั้งหมด 8 อาการ ดังนี้
อาการคล้ายหวัดทั่วไป คือ
- เจ็บคอ
- เหนื่อยล้า
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ
- น้ำมูกไหล
- จาม
อาการใหม่ คือ
- เหงื่อออกในตอนกลางคืน
- ปวดหลังส่วนกลาง

โดยอาการที่พบมากที่สุดคืออาการเจ็บคอ ตามด้วยคัดจมูก ไอแห้ง และปวดเมื่อยตามร่างกาย นอกจากนี้ ‘อาการปวดหลังส่วนกลาง’ ยังพบอีกว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากที่ตรวจพบเชื้อไอไมครอนในร่างกายมีอาการดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งประเด็นนี้ทางเซอร์ จอห์น เบลล์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ได้ชี้แจงว่า อาการของโอไมครอนมีความแตกต่างจากสายพันธุ์ก่อนหน้า ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้เฝ้าสังเกตตนเองและดูแลตนเองให้ดีที่สุด
โอไมครอนเป็นสายพันธุ์โควิดที่มีความอันตราย ที่แม้ว่าคุณจะฉีดวัคซีนครบโดสก็ไม่ควรชะล่าใจเด็ดขาด ที่สำคัญอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด ทำประกันสุขภาพ และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด เพราะวิธีเหล่านี้จะช่วยป้องกันคุณจากไวรัสตัวร้ายต่าง ๆ ได้ดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยแน่นอน